วันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2555

การเลี้ยงสุนัขพันธุ์ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ และ ชิสุ

การเลี้ยงโกลเด้น รีทริฟเวอร์

โกลเด้น เป็นหมาขนาดกลาง ในกลุ่ม สปอร์ทติ้ง ด๊อก (Sporting Dog) ซึ่งเป็นกลุ่มหมาเพื่อใช้งานในกีฬาล่าสัตว์ กลุ่มเดียวกับ พอยต์เตอร์ (Pointer) เซทเตอร์(Setter) และ สแปเนียล (Spaniel)
โกลเด้น รีทริฟเวอร์ ไม่ได้เป็นหมาสำอางที่ต้องการการเสริมแต่งเป็นประจำ ต้องการการดูแลรักษาน้อย เพียงแค่ อาบน้ำและแปรงขนอาทิตย์ละครั้งก็เป็นการเพียงพอแล้ว เป็นหมาที่ออกจะเซอๆ ลุยๆหน่อย มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และหล่อสวยแบบเป็นธรรมชาติ ออกจะแข็งแรง มีพลังงานสูง กระปี้กระเปร่า ฉลาดเฉลียวแต่ไม่เจ้าเล่ห์ สุขุม ชอบอยู่ร่วมกับคน รักเจ้าของ และชอบน้ำเป็นพิเศษ เวลาอาบน้ำคือความสุขของทั้งตัวเขาและเจ้าของ บางครั้งจะแอบไปนั่งแช่ในน้ำหรือในที่อื่นๆที่มีน้ำให้ลงไปทั้งตัวได้เช่นในอ่างบัวด้วยบ่อยๆ
โดยสัญชาติญาณแล้วโกลเด้นจะชอบการเก็บสิ่งของมาให้ และการว่ายน้ำเป็นสิ่งที่โปรดปรานและเป็นธรรมชาติอย่างยิ่งต้องเข้าใจความเป็นไปก่อนว่าโกลเด้นได้ถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อจุดประสงค์ในการใช้งานในเกมการล่าสัตว์ดังนั้นจึงมีคุณลักษณะเฉพาะเช่น-
  • มีลักษณะของหัว ช่วงคอที่ไม่ยาวหรือสั้นเกินไปแต่ใหญ่รับกับกรามที่แข็งเเรง
  • การเรียงของฟันที่มีรูปแบบถูกต้องเป็นระเบียบ เพื่อการคาบเหยื่อที่หนักได้ โดยไม่มีการขย่ำลงไป
  • หูที่ไม่ใหญ่และยาวเกินไปปรกลงมาปิดหูพอดีเพื่อป้องกันรูหูขณะว่ายน้ำและไม่เกะกะขณะวิ่งผ่านป่าละเมาะ
  • มีช่วงไหล่ที่หนาสำหรับการว่ายน้ำที่ดี
  • ขนที่มี 2 ชั้น ที่ชั้นนอกจะหยาบกว่าและค่อนข้างยาวเพื่อป้องกันความหนาวเย็นจากการแช่น้ำและไม่เลอะง่าย เมื่อสะบัดความสกปรกที่ติดอยู่ที่เฉพาะขนชั้นนอกก็จะหลุดออกได้ง่าย
  • เท้าที่เป็นทรงกลมและแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักการกระโดดและวิ่งขณะคาบเหยื่ออยู่ได้ดีเป็นตัน
นิสัยของเจ้าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขที่ชอบอยู่ใกล้ชิดกับคน เมื่อเจอคนแปลกหน้ามันมักจะกระดิกหางวิ่งเข้าไปต้อนรับด้วยท่าทางดีใจราวกับว่าได้พบ เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน สุนัขพันธุ์นี้จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งที่คุณจะนำมาใช้เฝ้าบ้าน เพราะมันไม่มีลักษณะนิสัยที่ก้าวร้าวต่อคนแปลกหน้า แม้บางครั้งโกลเด้น รีทรีฟเวอร์จะเห่าเสียงดังเมื่อคนแปลกหน้าล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขต แต่ลักษณะการสะบัดหางด้วยท่าทีเป็นมิตร จะทำให้คนแปลกหน้าที่คุ้นเคยกับสุนัข มาก่อนทราบว่ามันเห่าด้วยความดีใจ มากกว่าที่จะเห่าไล่หรือตรงเข้าไปทำร้าย
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ชอบที่จะเป็นศูนย์กลางการเอาใจใส่จากเจ้าของ บาง ครั้งเมื่อเจ้าของสาละวนอยู่กับแก้วน้ำในมือ เจ้าโกลเด้นอาจจะใช้ปากพลิกแก้วน้ำ ให้น้ำหกรดจมูกของมันเพื่อให้เจ้าของหันมาสนใจที่ตัวมันมากกว่าที่แก้วน้ำ สุนัขพันธุ์นี้มักคิดว่าตัวเองเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าของ และคิดว่ามันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เหมือนกัน เห็นได้จากการที่มันมักจะกระโดดขึ้นไปวางท่านั่ง หรือนอนบนเก้าอี้หรือโซฟา ด้วยทีท่าเหมือนกับคน พฤติกรรมเหล่านี้เป็นเสน่ห์พิเศษ ที่ทำให้เจ้าของหลงรัก และมองว่าเป็นความน่ารักเฉพาะตัวของเจ้าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ ที่ไม่มีสุนัขพันธุ์ไหน ทำได้เหมือน
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่ชอบใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน รักการผจญภัย และมีความอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กๆ มันชอบกระโดดไปตามที่ต่างๆ ยืดตัวขึ้นสูงเพื่อชะโงกดูว่ามีอะไรอยู่บนเคาน์เตอร์ หรือเดินพิสูจน์กลิ่น ไปตามสุมทุมพุ่มไม้รอบบ้าน และเป็นนักขุดที่ทำให้สนามเป็นหลุมเป็นบ่อไปทั่ว ทั้งนี้ก็เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวมันนั่นเอง
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์บางตัวมีพฤติกรรมที่คุณอาจจะเห็นว่าแปลกสักหน่อย คืองับแขนเจ้าของแล้วดึงไปข้างหน้า เพื่อพาเจ้าของไปยังที่ต่างๆ ที่มันอยากพาไปเพื่อให้เจ้าของได้มีส่วนร่วมในการผจญภัยของมันด้วย
โกลเด้น รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขที่มีต้นกำเนิดมาเพื่อล่าสัตว์ที่อยู่ริมน้ำ ดังนั้นบุคลิก ที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งของมันคือชอบลงไปในบริเวณที่มีน้ำขังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ กระถางบัว บ่อปลา หรือแม้แต่ชามใส่น้ำของตัวมันเอง เรามักเห็นโกลเด้นเดินไป เพื่อเอาเท้าข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างวางลงในชามใส่น้ำพร้อมกับเลียน้ำขึ้นดื่ม และเมื่อเจ้าของดุเมื่อมันทำให้พื้นบ้านเปียกแฉะไปด้วยน้ำ มันก็มักจะทำทีท่าเหมือน กับว่าได้รับชัยชนะในการเล่นซน และไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ที่ได้ทำอย่างนั้น ในกรณีที่พื้นบ้านของคุณไม่เหมาะกับการเปียกน้ำตลอดวัน ขอแนะนำให้วางชามใส่น้ำไว้บนขาตั้งที่มันไม่สามารถแหย่เท้าลงไปได้ และควรมีกาละมังใส่น้ำไว้เมื่อคุณพร้อมที่จะอนุญาตให้เจ้าโกลเด้นเล่นน้ำตาม สัญชาติญาณที่มีมาตั้งแต่เกิด
ด้วยลักษณะนิสัยและความต้องการเช่นนี้ของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ สุนัขพันธุ์นี้ จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะอาศัยอยู่ในเมืองที่ไม่มีสนามหรือบ่อน้ำที่จะให้พวกมัน ออกกำลังกายได้

สิ่งที่โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ต้องการ 

        ถ้าจะถามว่าโกลเด้น รีทรีฟเวอร์ต้องการอะไรจากเจ้าของบ้าง คำตอบแรกก็คือความใส่ใจ เพราะเจ้าโกลเด้นเป็นสุนัขที่ต้องการความใส่ใจเป็นพิเศษจนถึงขนาดเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เจ้าของเลยทีเดียว แน่นอนว่าพวกมัน ต้องการที่จะออกไปวิ่งเล่นในสวนรอบๆ บ้าน แต่มันก็ต้องการให้เจ้าของออกไปเล่นกับมันด้วย และหากคุณเคยออกไปใช้ชีวิต กลางแจ้งร่วมกับมันละก็ เชื่อได้เลยว่ามันกำลัง เฝ้ารอการได้ออกไปใช้ชีวิต กลางแจ้งร่วมกันคุณอีกครั้ง
         การเกาคางหรือลูบหลังลูบไหล่ เป็นสิ่งที่โกลเด้นต้องการเป็นลำดับถัดมา เพราะนั่นเป็นการสื่อภาษาทางร่างกายว่าคุณรักและเอาใจใส่พวกมันอยู่เสมอ และจะยิ่งทำให้พวกมันรักและบูชาคุณมากยิ่งขึ้น
         การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ต้องการอย่างสม่ำเสมอ วิธีการออกกำลังที่เหมาะสมก็คือการพาเดิน การปล่อยให้วิ่ง หรือการโยนสิ่งของออกไปไกลๆ เพื่อให้ไปคาบกลับมา รวมทั้งการว่ายน้ำในกรณีที่มีแอ่งน้ำที่สะอาดและปลอดภัยด้วย (บางบ้านปล่อยให้ลงไปในสระว่ายน้ำด้วยค่ะ)

          อาหารที่โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ขนาดโตเต็มวัยต้องการควรเป็นอาหาร ในระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมโดยให้เพียงวันละ 1 ครั้งในปริมาณที่เพียงพอ และในระหว่างวันอาจให้บิสกิตเสริมได้วันละ 2 ครั้ง 
           บริเวณสำหรับนอนเป็นอีกส่วนหนึ่งที่โกลเด้นต้องการ ผ้าปูรองนอนนุ่มๆ หาของเล่นส่วนตัวสักชิ้นสองชิ้นที่มันสามารถกัดแทะได้ เช่น กระดูกเทียม หรือลูกบอลยางวางไว้รอบตัวให้มันด้วย จะช่วยให้โกลเด้นมีที่สงบและปลอดภัยสำหรับ ช่วงเวลาที่พวกมันต้องการความเป็นส่วนตัวและต้องการพักผ่อน
           สิ่งสุดท้ายที่เจ้าของสามารถตอบสนองความต้องการให้แก่โกลเด้นได้ก็คือการพาเจ้า โกลเด้นไปพบสัตวแพทย์เป็นประจำเพื่อฉีดวัคซีนที่จำเป็น รวมทั้งเช็คร่างกาย ว่าปราศจากพยาธิ และโรคภัยต่างๆ

การเลี้ยง สุนัข ชิสุ

เพราะภาพลักษณ์หมาน้อยตากลมโต  ผูกโบว์ที่หน้าผาก มีขนยาวสวย ดูสง่างาม ขนาดพอเหมาะ พาไปไหนมาไหนได้ไม่ลำบาก แถมยังนิสัยเป็นมิตร ขี้เล่น และช่างประจบ เลยทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยหลงใหลได้ปลื้มเจ้าสุนัขพันธุ์ "ชิสุ" และเลี้ยงเป็นสมาชิกสี่ขาประจำครอบครัวกันอย่างแพร่หลาย แต่รู้ไหมว่าประวัติความเป็นมาของ สุนัข ชิสุ น่ะ เป็น ถึง 1 ใน 3 สุนัข ชั้นสูงจากจักรพรรดิจีนเชียวนะ

           ทั้งนี้ บรรพบุรุษของ สุนัข ชิสุห์ นั้น มีการคาดเดาว่ามีต้นกำเนิดจากทิเบต เนื่องจากตามประวัติศาสตร์ของชาวทิเบตถือว่าสิงโตเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อทางศาสนา พระชาวทิเบต (Lama) จึงได้ผสม สุนัข พันธุ์เล็กขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิงโต ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าลักษณะขนแผงคอของ ชิสุ จะเหมือนกับสิงโต อีกทั้งท่าทางการเดินหรือการเคลื่อนไหวก็แลดูสง่างาม และชื่อ "ชิสุ" (Shih Tzu) ซึ่งเป็นคำในภาษาจีน ก็แปลว่า สิงโต ด้วย 

           ต่อมาทิเบตได้ส่ง สุนัข ชิสุ มาเป็นหนึ่งในเครื่องบรรณาการแก่จักรพรรดิราชวงศ์ชิง ราชวงศ์สุดท้ายของจีน  ซึ่งพระนางซูสีไทเฮา ทรงโปรดการเลี้ยง สุนัข มาก โดยมี สุนัข พันธุ์ปักกิ่ง ปั๊ก และชิสุ ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากพระองค์ ชนิดหรูหราและฟุ่มเฟือย ในอดีตจึงเป็นที่รู้กันดีว่า ชิสุ เป็น สุนัข ที่มีชนชั้น  นิยมเลี้ยงกันเฉพาะในราชสำนักของและนับเป็นสิ่งสูงค่าสำหรับสามัญชน

           ในปี ค.ศ.1908  เมื่อพระนางซูสีไทเฮาสิ้นพระชนม์ สุนัข ชิสุ ทรงเลี้ยงในพระราชวังก็กระจัดกระจายหายไป แต่ก็มี ชิสุ บางส่วนที่ถูกลักลอบนำไปผสมข้ามสายพันธุ์ ทำให้ ชิสุ ขยายพันธุ์ไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในอังกฤษ และทั่วยุโรป ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเป็นสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงกันถึงปัจจุบัน  เนื่องจาก ชิสุ เป็น สุนัข พันธุ์เล็ก อีกทั้งมีของลักษณะขนและหน้าตา ที่จะสร้างความเพลิดเพลินในการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบแต่งตัวให้ สุนัข แต่คงไม่เหมาะนักสำหรับเจ้าของที่ไม่มีเวลา

  ลักษณะทั่วไปของ สุนัข ชิสุ

           ชิสุ เป็น สุนัข ขนาดเล็กในกลุ่มทอย (Toy Group) มีน้ำหนักประมาณ 4.5 - 7.5 กิโลกรัม (หรือราว 10 - 16 ปอนด์) ส่วนสูงประมาณ 25 - 27 ซม. (หรือราว 10 - 11 นิ้ว) ทั้งนี้ ชิสุ มีลักษณะนิสัย กล้าหาญ มีความตื่นตัว ขี้ประจบ มีความสง่าอยู่ในตัว เดินหน้าเชิด การย่างก้าวสง่าผ่าเผย นอกจากนี้ ชิสุ ยังรักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคน ปรับตัวได้ดี และชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ กับเจ้าของในทุกเรื่อง แล้วก็ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน

           
ข้อบกพร่องของสายพันธุ์ ชิสุ

           ข้อบกพร่องของ ชิสุห์ ที่จัดว่าร้ายแรงตามมาตรฐานของ AKC : American Kennel Club (สมาคมสุนัขแห่งสหรัฐอเมริกา) ที่ยอมรับกันทั่วโลก มีดังนี้ 

            - ศีรษะแคบเกินไป
            - ฟันบนเกยฟันล่าง
            - ขนสั้น หรือขนที่ได้รับการขลิบให้สั้น
            - จมูกหรือหนังบริเวณขอบตาสีชมพู
            - ดวงตามีขนาดเล็กหรือมีสีจาง
            - ขนบาง ไม่ดกหนา
            - มุมหักตรงช่วงรอยเชื่อมระหว่างจมูกและหน้าไม่เด่นชัด

  อาหารและการเลี้ยงดู สุนัข ชิสุ

           ชิสุห์ มีอายุค่อนข้างยืนยาว คือประมาณ 10-18 ปี ตามแต่ปัจจัยต่างๆ เช่น อาหาร และการเลี้ยงดู โรคที่มักเกิดขึ้นกับ ชิสุ คือโรคตาแห้ง โรคหูน้ำหนวก หูอักเสบ โดยเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาและหูของ ชิสุ อย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดของมันโดยเฉพาะ ส่วนโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับ ชิสุ ได้ เช่น โรคนิ่ว โรคไต และไส้เลื่อน

           ปกติ ชิสุห์ จะเป็นมิตรกับคน นิ่งและดูสงบ ดูจะเป็น สุนัข อารมณ์ศิลปินซะด้วย หลายครั้งที่พบว่า ชิสุ จะไม่เชื่อฟังเราถ้ามันไม่อยากทำซะอย่าง อย่างไรก็ตาม ชิสุ ก็ชอบวิ่งและรักความสนุกซึ่งเจ้าของจำเป็นจะต้องพามันออก ไปวิ่งออกกำลังกายบ้าง

          
 นอกจากนี้ ขนเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เป็นตัวชี้วัดความสวยงามของ ชิสุ โดยเฉพาะ ชิสุห์ เป็น สุนัข ขนยาว ที่จะต้องดูแลมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมีขนเส้นเล็กและพันกันได้ง่าย หากไม่รู้จักวิธีการรักษาขนให้ดี ขนของ ชิสุ จะพันกันและมีโอกาสเป็นโรคผิวหนังได้ง่ายๆ

           ทั้งนี้ การแปรงขนอย่างสม่ำเสมอทุกวันจะช่วยให้ผิวหนังและขนสะอาดของ ชิสุ เป็นเงางาม เพราะมีการนวดให้ต่อมน้ำมันที่โคนขนขับน้ำมันออกมาเคลือบเส้นผมได้มากขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสุขภาพสมบูรณ์ และยังเป็นการช่วยขจัดรังแคและสิ่งสกปรกอื่นออกจากผิวหนังของ ชิสุ ด้วย

         
  อาหารที่เหมาะกับเจ้า ชิสุ สุดสวย ควรเป็นอาหารเม็ดมากกว่าอาหารกระป๋อง เพราะ สุนัข มีขนยาว หากให้กินอาหารกระป๋องจะทำให้เลอะหนวดเครา เหม็นคาว ทำให้ต้องทำความสะอาดกันทุกครั้งไป และหากล้างออกไม่หมดก็จะกลายเป็นที่สะสมของเชื้อโรค อีกทั้งถ้าให้อาหารกระป๋องต้องใช้ให้หมดในคราวเดียว ไม่เช่นนั้นจะเสี่ยงต่อสุขภาพของ  ชิสุ ของคุณได้

           ดังนั้น ทางเลือกที่เหมาะที่สุดเห็นจะเป็นอาหารเม็ด ทั้งนี้ การเลือกซื้อควรเลือกประเภทสำหรับ สุนัข พันธุ์เล็ก  โดยเลือกดูให้เหมาะกับช่วงวัยของ ชิสุ ด้วย เช่น ถ้าเป็นอาหารลูก สุนัข ข้างถุงจะพิมพ์ไว้ว่า Puppy มีโปรตีนมากกว่า เม็ดจะเล็กกว่า และจะแพงกว่าอาหาร สุนัข โตนิดหน่อย


           อย่างไรก็ตาม อาหารปรุงเองก็สามารถให้ ชิสุ ได้ แต่ควรดูความเหมาะสมของสารอาหารที่ให้ และการสร้างอุปนิสัยที่ดี  เพราะหากให้กินพร่ำเพรื่อ สุดท้ายเจ้า ชิสุ ตัวโปรดของคุณก็จะติดนิสัยขออาหารที่ครั้งที่เห็นคนกิน ดังนั้นต้องใจแข็งไว้นะคะ ควรให้อาหารเป็นเวลาจะดีกว่า แล้ว ชิสุห์ ของคุณไม่มีปัญาหาสุขภาพตามมาด้วย

  โรคและวิธีการป้องกัน

            โรคตาแห้ง เป็นโรคที่มักเกิดกับ สุนัข ชิสุห์ เพราะมีดวงตากลมโต ลูกตาเปิดกว้าง ทำให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย อีกทั้งยังมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุกับดวงตาด้วย ทั้งนี้ อาการของโรคตาแห้ง คือน้ำตาน้อย ก็ต้องรักษาด้วยการหยอดตาต่อเนื่อง อาจจะนานๆ ครั้ง หรือไม่ก็ตลอดชีวิต สำหรับการดูแลรักษา อย่างแรกเลยผู้เลี้ยง ควรเจ้าของควรหมั่นทำความสะอาดตาอย่างสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดโดยเฉพาะ และเมื่อเห็นความผิดปกติของลูกตาให้รีบพาไปพบสัตวแพทย์ทันที เพราะ ถ้าทิ้งไว้นาน อาจทำให้ติดเชื้อ แก้วตาละลาย ถึงขั้นตาบอดได้ อีกอย่างถ้าพามาตั้งแต่แรกเริ่มก็จะมีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่สูงมากนัก


            โรคหูน้ำหนวก หูอักเสบ ส่วนใหญ่เป็นการอักเสบของช่องหูภายนอกที่เรียกว่า "otitis externa" เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งอาการของ สุนัข ชิสุ ที่ป่วยหูอักเสบ ได้แก่ มีกลิ่นเหม็น ชอบเกาหู หรือเอาหู (หัว) ไปถูกับวัตถุ ช่องหู หรือใบหูมีสีแดง หรือบวม ในบางตัวอาจมีสิ่งคัดหลั่งออกมาจากช่องหู ฯลฯ 

           สำหรับวิธีการป้องการที่ดีที่สุด คือการรักษาความสะอาด ควรตรวจสอบช่องหูของ สุนัข ชิสุห์ ทุกสัปดาห์ สุนัข บางตัวมีขี้หูน้อย บางตัวก็มีมาก แตกต่างกันไป ควรใช้สำลีหรือผ้านิ่มๆ เช็ดบริเวณรูหูส่วนนอก และใบหูเป็นประจำ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ถ้าพบว่า สุนัข ของคุณสะบัดหู หรือเกาหูบ่อย ก็ให้นำไปพบสัตวแพทย์ เพราะอาจมีแมลงเข้าหูหรืออาจเกิดโรคหูอักเสบขึ้น

           นอกจากนี้ ชิสุห์ ยังมีโรคอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น โรคนิ่ว โรคไต โรคผิวหนัง และไส้เลื่อน ทางที่ดีผู้เลี้ยงควรฉีดวัคซีนให้ สุนัข ตามกำหนดให้ครบ และใส่ใจเรื่องอาหาร และการออกกำลังกาย และหากผิดความผิดปกติใดๆ ก็ตามควรรีบพา สุนัข แสนรักไปพบแพทย์เพื่อได้รรับการวินัจฉัยและการรักษาที่ตรงจุดต่อไป


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- pet.kapook.com
- mylovegolden.com

1 ความคิดเห็น:

  1. ชอบน้องหมาทั้งสองพันธุ์เลยจ้า แต่ว่านะก่อนจะนำมาเลี้ยงควรดูพื้นที่ในบ้านตัวเองก่อน หากอยู่ในเมืองหรือคอนโด หอพัก ควรเลี้ยงเจ้าชิสุนะ เพราะว่าสามารถเลี้ยงในบ้านได้สบายๆ

    ตอบลบ